เกิดมา-คงอยู่-จากไป-ก่อนจากไป
วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551
พธม.หางโผล่ค้านทุกเรื่องที่แท้จ้องล้มประชาธิปไตย
พธม.หางโผล่ค้านทุกเรื่องที่แท้จ้องล้มประชาธิปไตย
15 ก.ย. 2008 - 03:22:37 น. : ผู้อ่าน 789 คน - ตอบ 11 คน
ดื้อด้านที่สุด! “พันธมิตรฯ” ไม่หยุดคิดทำลายชาติ ทำลายประชาธิปไตย ปัดทุกข้อเสนอ-ทางออกของทุกฝ่ายที่ต้องการเห็นความสงบสุขในบ้านเมือง ยืนยันต้อง “การเมืองใหม่” เท่านั้น โดยไม่ยอมฟังเสียงค้าน ที่ห่วงเป็นการทำลายประชาธิปไตย สถาปนาอำนาจใหม่ที่เป็นของคนแค่บางกลุ่มบางพวก เป็นห่วงพาเมืองไทยถอยหลังไปหลายสิบปี
ท่ามกลางความพยายามของทุกฝ่ายที่จะประนีประนอมเพื่อยุติปัญหาและสร้างสันติ สุขในบ้านเมือง แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่เป็นชนวนของปัญหามาตั้งแต่ต้น จน 9 ผู้นำถูกออกหมายจับในข้อหากบฏ กลับปฏิเสธการเจรจา ปฏิเสธทางออกของบ้านเมืองทุกแนวทาง โดยได้เปิดเผยธาตุแท้ออกมาให้เห็นกันชัดเจนแล้วว่า การเรียกร้องตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่แท้แล้วก็เพราะต้องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย สถาปนาการเมืองใหม่ ลิดรอนอำนาจของประชาชนในการเลือกตัวแทนเข้ามาบริหารบ้านเมือง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขต กทม. นั้น เกิดจากความพยายามสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลก่อเรื่องเองก็แล้วแต่รัฐบาลจะพิจารณา การยกเลิก พ.ร.ก. ไม่มีผลอะไรกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ เชื่อว่าได้ชุมนุมอย่างถูกต้องมาตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องรัฐบาลแห่งชาติยังเป็นรัฐบาลของนักเลือกตั้ง พันธมิตรฯ ไม่ยึดติดกับพรรคการเมืองใด และเห็นว่านักเลือกตั้งที่มีอยู่ควรยุติบทบาทการเมือง และเปิดโอกาสให้การเมืองใหม่เข้ามา การยุบสภาการเมืองยังอยู่ในวังวนเดิม เลือกตั้งใหม่ก็ได้คนเก่ากลับมา พันธมิตรฯ ยังคงยึดมั่นเรื่องการเมืองใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังเป็นนามธรรมอยู่ จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดเพื่อให้เป็นรูปธรรม โดยคนไทยต้องยอมรับถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ หากมีการเลือกตั้งใหม่จะได้นักเลือกตั้งคนเดิม จึงต้องมีการเมืองใหม่ที่มีตัวแทนของสาขาอาชีพเข้าไปเป็นตัวแทน ด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ยกเลิกข้อหากบฏกับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ แลกกับการนิรโทษกรรม 111 อดีต กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่า ความคิดดังกล่าวเป็นความคิดที่โง่และบ้า เพราะในกรณีของ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยถึงที่สุดแล้ว โดยมีความชัดเจนว่ามีการโกงการเลือกตั้ง ส่วนกรณีของ 9 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นข้อหาที่ยังไม่ได้พิสูจน์ และจะมีการอุทธรณ์จึงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ส่วน นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวย้ำไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พร้อมระบุพันธมิตรฯ จะไม่ยุติการเคลื่อนไหว จนกว่าทุกพรรคการเมืองจะยอมรับและมาร่วมผลักดันการเมืองใหม่ตามแนวคิดของ พันธมิตรฯ ให้เกิดขึ้น นายสนธิ ยังได้เปิดประเด็นหนทางสู่การเมืองใหม่ โดยเสนอเบื้องต้นให้คงไว้เฉพาะสมาชิกวุฒิสภา และให้ใช้อำนาจตุลาการยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามกระบวนการสรรหาที่ต่างไปจากปัจจุบัน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าไปเป็น ส.ส. ทั้งนี้ ในขณะนี้กลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศบนเวทีตลอดเวลาว่าจะไม่รับเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น โดยปลุกระดมผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องว่า หนทางสู่การเมืองใหม่ใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะผู้ชุมนุมเองก็ยังไม่เข้าใจเงื่อนไขที่แฝงเร้นของเรื่องดังกล่าว โดยที่ก่อนหน้านั้นนักวิชาการ ผู้รู้ และนักการเมืองหลายคน ก็ได้ออกมาชี้ให้เห็นแล้วว่าแนวคิดดังกล่าวขัดต่อหลักการของระบอบ ประชาธิปไตย ในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นการลิดรอนบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมปกครองบ้านเมือง ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐธรรมนูญพยายามให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มาก ที่สุด ขณะเดียวกัน ที่พันธมิตรฯ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่การดำเนินการตามแนวทางของพันธมิตรฯ ก็จะต้องมีการแก้ไขเช่นเดียวกัน และจะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งหนึ่งของบ้านเมืองเลยทีเดียว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะถอยหลังเข้าคลอง และสุ่มเสี่ยงที่คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดจะสถาปนาอำนาจเพื่อตัวเองและพวกพ้องได้ อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
15 ก.ย. 2008 - 03:22:37 น. : ผู้อ่าน 789 คน - ตอบ 11 คน
ดื้อด้านที่สุด! “พันธมิตรฯ” ไม่หยุดคิดทำลายชาติ ทำลายประชาธิปไตย ปัดทุกข้อเสนอ-ทางออกของทุกฝ่ายที่ต้องการเห็นความสงบสุขในบ้านเมือง ยืนยันต้อง “การเมืองใหม่” เท่านั้น โดยไม่ยอมฟังเสียงค้าน ที่ห่วงเป็นการทำลายประชาธิปไตย สถาปนาอำนาจใหม่ที่เป็นของคนแค่บางกลุ่มบางพวก เป็นห่วงพาเมืองไทยถอยหลังไปหลายสิบปี
ท่ามกลางความพยายามของทุกฝ่ายที่จะประนีประนอมเพื่อยุติปัญหาและสร้างสันติ สุขในบ้านเมือง แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่เป็นชนวนของปัญหามาตั้งแต่ต้น จน 9 ผู้นำถูกออกหมายจับในข้อหากบฏ กลับปฏิเสธการเจรจา ปฏิเสธทางออกของบ้านเมืองทุกแนวทาง โดยได้เปิดเผยธาตุแท้ออกมาให้เห็นกันชัดเจนแล้วว่า การเรียกร้องตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่แท้แล้วก็เพราะต้องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตย สถาปนาการเมืองใหม่ ลิดรอนอำนาจของประชาชนในการเลือกตัวแทนเข้ามาบริหารบ้านเมือง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า การยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขต กทม. นั้น เกิดจากความพยายามสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลก่อเรื่องเองก็แล้วแต่รัฐบาลจะพิจารณา การยกเลิก พ.ร.ก. ไม่มีผลอะไรกับการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ เชื่อว่าได้ชุมนุมอย่างถูกต้องมาตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องรัฐบาลแห่งชาติยังเป็นรัฐบาลของนักเลือกตั้ง พันธมิตรฯ ไม่ยึดติดกับพรรคการเมืองใด และเห็นว่านักเลือกตั้งที่มีอยู่ควรยุติบทบาทการเมือง และเปิดโอกาสให้การเมืองใหม่เข้ามา การยุบสภาการเมืองยังอยู่ในวังวนเดิม เลือกตั้งใหม่ก็ได้คนเก่ากลับมา พันธมิตรฯ ยังคงยึดมั่นเรื่องการเมืองใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังเป็นนามธรรมอยู่ จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดเพื่อให้เป็นรูปธรรม โดยคนไทยต้องยอมรับถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ หากมีการเลือกตั้งใหม่จะได้นักเลือกตั้งคนเดิม จึงต้องมีการเมืองใหม่ที่มีตัวแทนของสาขาอาชีพเข้าไปเป็นตัวแทน ด้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ยกเลิกข้อหากบฏกับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ แลกกับการนิรโทษกรรม 111 อดีต กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่า ความคิดดังกล่าวเป็นความคิดที่โง่และบ้า เพราะในกรณีของ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยถึงที่สุดแล้ว โดยมีความชัดเจนว่ามีการโกงการเลือกตั้ง ส่วนกรณีของ 9 แกนนำพันธมิตรฯ เป็นข้อหาที่ยังไม่ได้พิสูจน์ และจะมีการอุทธรณ์จึงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ส่วน นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวย้ำไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พร้อมระบุพันธมิตรฯ จะไม่ยุติการเคลื่อนไหว จนกว่าทุกพรรคการเมืองจะยอมรับและมาร่วมผลักดันการเมืองใหม่ตามแนวคิดของ พันธมิตรฯ ให้เกิดขึ้น นายสนธิ ยังได้เปิดประเด็นหนทางสู่การเมืองใหม่ โดยเสนอเบื้องต้นให้คงไว้เฉพาะสมาชิกวุฒิสภา และให้ใช้อำนาจตุลาการยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามกระบวนการสรรหาที่ต่างไปจากปัจจุบัน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้าไปเป็น ส.ส. ทั้งนี้ ในขณะนี้กลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศบนเวทีตลอดเวลาว่าจะไม่รับเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น โดยปลุกระดมผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่องว่า หนทางสู่การเมืองใหม่ใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะผู้ชุมนุมเองก็ยังไม่เข้าใจเงื่อนไขที่แฝงเร้นของเรื่องดังกล่าว โดยที่ก่อนหน้านั้นนักวิชาการ ผู้รู้ และนักการเมืองหลายคน ก็ได้ออกมาชี้ให้เห็นแล้วว่าแนวคิดดังกล่าวขัดต่อหลักการของระบอบ ประชาธิปไตย ในเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นการลิดรอนบทบาทของประชาชนในการมีส่วนร่วมปกครองบ้านเมือง ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐธรรมนูญพยายามให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มาก ที่สุด ขณะเดียวกัน ที่พันธมิตรฯ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่การดำเนินการตามแนวทางของพันธมิตรฯ ก็จะต้องมีการแก้ไขเช่นเดียวกัน และจะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้งหนึ่งของบ้านเมืองเลยทีเดียว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะถอยหลังเข้าคลอง และสุ่มเสี่ยงที่คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดจะสถาปนาอำนาจเพื่อตัวเองและพวกพ้องได้ อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ภาพแต่ละวันที่ผ่านไป
ทำให้ทบทวนชีวิตแต่ละช่วงได้ง่ายขึ้น
pichai

เกิดมาคงอยู่จากไป
คลังบทความของบล็อก
- 8 ธันวาคม (3)
- 1 ธันวาคม (1)
- 19 ธันวาคม (3)
- 25 เมษายน (5)
- 11 เมษายน (6)
- 14 มีนาคม (1)
- 7 มีนาคม (9)
- 28 กุมภาพันธ์ (19)
- 7 กุมภาพันธ์ (1)
- 31 มกราคม (1)
- 24 มกราคม (7)
- 17 มกราคม (6)
- 10 มกราคม (1)
- 3 มกราคม (1)
- 13 ธันวาคม (4)
- 29 พฤศจิกายน (1)
- 22 พฤศจิกายน (1)
- 15 พฤศจิกายน (1)
- 8 พฤศจิกายน (10)
- 25 ตุลาคม (1)
- 11 ตุลาคม (1)
- 4 ตุลาคม (4)
- 27 กันยายน (5)
- 20 กันยายน (2)
- 6 กันยายน (1)
- 30 สิงหาคม (2)
- 9 สิงหาคม (2)
- 2 สิงหาคม (2)
- 26 กรกฎาคม (3)
- 19 กรกฎาคม (4)
- 5 กรกฎาคม (1)
- 24 พฤษภาคม (1)
- 10 พฤษภาคม (1)
- 22 กุมภาพันธ์ (2)
- 25 มกราคม (7)
- 11 มกราคม (5)
- 4 มกราคม (4)
- 30 พฤศจิกายน (2)
- 12 ตุลาคม (5)
- 5 ตุลาคม (9)
- 28 กันยายน (10)
- 21 กันยายน (26)
- 14 กันยายน (10)
- 7 กันยายน (4)
- 31 สิงหาคม (9)
- 24 สิงหาคม (3)
- 17 สิงหาคม (3)
- 27 กรกฎาคม (1)
- 20 กรกฎาคม (2)
- 13 กรกฎาคม (6)
- 6 กรกฎาคม (8)
- 29 มิถุนายน (5)
- 20 เมษายน (1)
- 2 ธันวาคม (2)
- 18 พฤศจิกายน (2)
- 11 พฤศจิกายน (1)
แต่ละช่วงของชีวิต

- บันทึกเป็นประวัติศาสตร์
- ชลบุรี, ภาคตะวันออก, Thailand
- เกิดมา คงอยู่ จากไป-ทิ้งสิ่งดี ๆ ก่อนจากไป
ภาพที่เกี่ยวกับที่ดินพิพาท สถานที่ โฉนด เอกสาร
- การเมือง (3)
- ที่ดินพิพาท (3)
- ธ.ทหารไทย (3)
- บทความ (1)
- หน้าหนาว พฤศจิกายน ธันวาคม ปี 2550 หนาวมาก (1)
ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ ปี 2506 ถึง ปี 2550
2520 อ.จ.วงเดือน คุณจักรออกไปดำเนินการกับ นายทรงชัย ศิริวรรณ
ขอ ธ.เชีย แบ่งแยกที่ดินขณะติดจำนอง เพื่อนำมาทำการแ่บ่งแยกเพื่อให้เป็น
ไปตามหนังสือสัญญาฉบับ วันที่ 5 ต.ค.2515
2526 ในขณะนั้นเกิดปัญหาขึ้น 2 ประการ
(1) นายทรงชัย เบญจศิิริวรรณ ไม่มีเงินจ่ายค่าแบ่งแยกที่ดินให้
อ.จ.วงเดือน คุณจักร ที่มาของคำว่า "มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย"
(2) นายทรงชัย เบญจศิริวรรณ ขายโรงเลื่อยให้ นายธนากร(ธวัช)
กุลบุศย์ แต่ไม่ได้โอน "ใบอนุญาติประกอบกิจการรอุตสาห์กรรม เลขที่
ต.3827/2526 ทะเบียนโรงงานเลขที่ 34(1)-5/20 ชบ.
2527 ที่มาของ หนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 30 พ.ค.2527 ระบุ
นายทรงชัยแจ้งให้ผู้ซื้อโรงเลื่อย นายธวัช กุลบุศย์ ทราบว่า
มีสัญญาผูกพันต้องโอนที่ดินให้ อ.จ.วงเดือน คุณจักร
เตือนนายธวัชอย่าแต่งเรื่องเพราะมี นายประโยชน์-นายดรงค์
ค้ำคอนายทรงชัยอยู่เป็นอื่นไม่ได้ ถ้ามีเรื่องตามแต่งไว้ว่า นายทรงชัย
มีข้อตกลงอื่นใดไว้จริงต้องมีปรากฎในสัญญา 30 พ.ค.2527 แน่นอน
ข้อที่ 1 อ.จ.วงเดือน คุณจักร ไปบีบ นายทรงชัย คืนใบอนุญาติ
ข้อที่ 2 ในวันโอน(ย้ำวันโอนที่ดิน) นายธวัช จ่ายค่าโอนที่ดิน
ข้อที่ 3 ความจริงที่ดินจังหวัดชลบุรีรับเหมาแบ่งแยกไป
ไร่ละ 20,000 บาท (จะให้เขียนไปในสัญญาว่าอย่างไร)
2529 นายพิชัย คุณจักร ออกไปตามนายธนากร(ธวัช) กุลบุศย์ ที่โรงเลื่อยไป
เจอ นายบุญฤิทธิ์(บุญส่ง) กาญจนพันธ์ "พูดว่าเจ้าของโรงเลื่อยไม่มีเงินจ่าย
ค่าแรงลูกน้องจึงต้องขายไม้เอาเงินไปจ่าย" แสดงตัวเหมือนเป็นเจ้าของโรงเลื่อย
บอกขายโรงเลื่อย(ที่มาของการตั้งคำถามจากทนายให้ นายธวัช ตอบว่า ใช่
เคยให้ นายบุญฤิทธิ์เช่าโรงเลื่อยนายยธวัชตอบแบบหน้างงๆคงมีคำถามในใจ
ว่าเพื่ออะไรวะ(ดูได้จากตอนท้ายการให้ปากคำนายธวัช)
ถามดักหน้านายพิชัยหรือ? ถามให้ตอบไว้ในสำนวนทำไม? ที่ไปหาน่ะอยาก
เจอตัว นายธนากร(ธวัช) ว่าให้มาตกลงกันก็เท่านั้นเอง
2530 นายพิชัย คุณจักร เป็นอัมพาต ให้นางสมจิตร(สิริกร) คุุณจักร(ภรรยา)
ออกตามเรื่องต่อ ไปพัทยาก็ตาม ไปเก็บค่าเช่าก็เจอคำถามแปลก(ใครสอนมา)
ขอดูหลักฐานการเป็นเจ้าของ ไม่จ่ายจะว่าอย่างไร (ระยะนั้นอ่านไม่ออก)
2531 มีคนมาบอกว่า เขาเป็นเจ้าของที่ดิน ขอให้นายพิชัย คุณจักร ออกไปดูที่ดิน
ด่วนด้วย(ช่วงนั้นมองไปที่นายกฤษดาคนซื้อโรงเลื่อยจากนายธวัช) ลากขา
(อัมพาต)มีสิ่งที่ทำได้ในตอนนั้น
ออกไปปกป้องสิทธิ์ แสดง
ความเป็นเจ้าของ
ที่ที่ดินพิพาท เขามาบอกว่า
"เขาเป็นเจ้าของที่ดิน ถ้าซื้อจะแบ่งแยกที่ดินและขายให้ทุกห้องที่อาศัยอยู่"
บอกกับผู้เช่าที่เป็นผู้หญิง "ถ้าไม่ซื้อจะมาล้อมรั้วที่ดินทั้งหมด" บีบเลยหรือ
ถึงพิการ นายพิชัย คุณจักร ก็ต้องออกไปดู ถ่ายเอกสารแจกเรียกผู้เช่าให้มา
รวมกันแล้วชี้แจง
ใครมาทำอะไร
ในที่ดินของเราหรือ
-งงว่าถามให้ตอบทำไม-สำนวนให้ปากคำธวัช)
2538 (1)นางแดง เยาวยอด เป็นลูกน้องช่วยขายของหน้าร้าน นายธนากร(ธวัช)
กุลบุศย์
2547 นายบุญฤิทธิ์ กาญจนพันธ์ เป็นลูกน้อง หลงจู๊ อ้างเคยเป็นผู้เช่าโรงเลื่อยจาก
นายธนากร(ธวัช)กุลบุศย์
2548 นายพิชัย คุณจักร เริ่มเจรจา ถูกนายบุญฤิทธิ์ กาญจนพันธ์ หลอกทางโทรศัพท์