เกิดมา-คงอยู่-จากไป-ก่อนจากไป

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อ.ธีระพลเสนอทางออก

ขอให้ถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงและหรือความเห็นดังต่อไปนี้
ลูกหนี้ที่ 2 เป็นภรรยาของข้าฯ ซึ่งได้จดทะเบียนหย่าไปนานแล้ว
เมื่อปี 2539 ข้าฯ และลูกหนี้ที่ 2 ได้กู้เงินเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ โดยจดทะเบียนจำนองที่ดิน โฉนดเลขที่ 17575 ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี และที่ดินโฉนดเลขที่ 47766 - 47796, 47989 - 47996, 48532 ตำบลท่าบุญมี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรีพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามหมาย ล. 4 - 6 ต่อมา ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ฟ้องลูกหนี้ทั้งสอง ต่อศาลจังหวัดชลบุรี ลูกหนี้ทั้งสองจึงได้ทำสัญญาประนอมยอมความโดยมีเงื่อนไขว่า
หากลูกหนี้ทั้งสองผิดนัดชำระเงินไม่ว่างวดหนึ่งงวดใด ให้บังคับคดีได้ทันที และยินยอมให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองออกขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาชำระหนี้จนครบถ้วน หากบังคับจำนองแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ ลูกหนี้ทั้งสองยินยอมให้ยึดทรัพย์สินอื่น ออกขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้จนครบ
แต่คดีนี้เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระ เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ก็มิได้ทั้งหมดออกขายทอดตลาด เพื่อนำเงินไปชำระหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ การฟ้องคดีนี้โดยเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ยังมิได้ดำเนินการตามคำพิพากษา ตามยอมของศาลจังหวัดชลบุรี
ฟ้องเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ จึงไม่ชอบเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต การที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ไม่ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้เกิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทั้ง ๆ ที่ทรัพย์สินดังกล่าว จดทะเบียนจำนองค้ำประกันหนี้ไว้กับธนาคาร
แต่ธนาคารไม่ใช้สิทธิ์ทั้ง ๆ ที่ฟ้องเป็นคดีกับลูกหนี้ตั้งแต่ปี 2543 ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็ระบุชัดเจนว่า หากลูกหนี้จำเลยผิดนัดชำระหนี้ ก็สามารถยึดทรัพย์สินของลูกหนี้จำเลยชำระได้ แต่ธนาคารก็ไม่ดำเนินการตามสิทธิ ดังนั้นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มได้อีก
เพราะหนี้จำนวนนี้มีทรัพย์จดจำนองเป็นประกันโดยชัดเจนแล้ว มิใช่กรณีเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้สืบทรัพย์พบและตามยึดในภายหลังได้ การที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในคดีนี้ นำคดีขึ้นมาฟ้องลูกหนี้ ให้เป็นบุคคลล้มละลาย โดยอ้างว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สินนั้น จึงมิใช่เหตุผลที่จะรับฟังได้
เพราะข้อสันนิษฐานว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ตามพระราชบัญญัติล้มละลายตามมาตรา 8 นั้น เป็นเพียงเหตุหนึ่งที่กฎหมายให้อำนาจโจทก์ฟ้องลูกหนี้ จำเลยให้ล้มละลายได้เท่านั้น ส่วนการพิจารณาคดีล้มละลาย มาตรา 14 ให้ศาลพิจารณาเอาความจริง ตามที่ได้บัญญัติไว้ ใน มาตรา 9 หรือ มาตรา 10
และที่ศาลจะมีคำสั่ง ให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย มิใช่อาศัยแต่ลำพังเพียงข้อเท็จจริง อันเป็นเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐาน ของกฎหมายอย่างเดียว
แต่ยังต้องพิจารณาเหตุผลอื่นประกอบ ที่พอแสดงให้เห็นว่า ลูกหนี้จำเลยตกอยู่ในฐานะผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจริง เพราะการที่จะให้บุคคลล้มละลายนั้นย่อมกระทบถึงสิทธิและเสรีภาพในการดำรงชีวิตตามกฎหมาย ตลอดจนสถานะของบุคคลล้มละลายและสิทธิในทางทรัพย์สินของผู้นั้นโดยตรง
ข้อเท็จจริงแม้ลูกหนี้จะเป็นหนี้ผู้เป็นโจทก์พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งมีมูลหนี้เดิมตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษา วันที่ 4 ตุลาคม 2543 แต่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์รอจนกระทั่ง วันที่ 25 มกราคม 2551 จึงได้นำคดีนี้มาฟ้องเป็นคดีล้มละลาย
พฤติการณ์เช่นนี้ ก่อให้เกิดการคิดดอกเบี้ยเรื่อยมา ตั้งแต่ปี 2543 ทำให้ต้นเงินและดอกเบี้ย เมื่อคิดถึงวันฟ้องคดีนี้เป็นจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ก็มิได้ดำเนินการขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของลูกหนี้ทั้งหมดทั้ง ๆ ที่ทรัพย์ดังกล่าวจดทะเบียนจำนองไว้กับเจ้าหนี้แล้วจึงมีเหตุที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ลูกหนี้ทั้งสองเป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ จำนวน 1,315,516.74 บาท ตามหมาย ล.1 - 3
ปัจจุบันทั้งสองได้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ ผู้เป็นโจทก์คงเหลือ ณ.วันที่ 31 พฤษภาคม 2551 จำนวน 543,451.74 บาท ตามหมาย ล.7 และ ล.8 ดังนั้นยอดหนี้ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงไม่อาจกำหนดได้แน่นอนและไม่ถูกต้อง
ลูกหนี้ทั้งสองจึงยังเหลือทรัพย์สินที่จดจำนองอยู่กับเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์อีกจำนวนมาก ทั้งหนี้คงเหลือไม่เกิน 1,000,000 บาท จึงไม่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลาย

ลงชื่อ.........................................ผู้ให้ถ้อยคำ
(.......................)

ภาพแต่ละวันที่ผ่านไป

ภาพแต่ละวันที่ผ่านไป
ทำให้ทบทวนชีวิตแต่ละช่วงได้ง่ายขึ้น

pichai

pichai
เกิดมาคงอยู่จากไป
Powered By Blogger

คลังบทความของบล็อก

แต่ละช่วงของชีวิต

รูปภาพของฉัน
ชลบุรี, ภาคตะวันออก, Thailand
เกิดมา คงอยู่ จากไป-ทิ้งสิ่งดี ๆ ก่อนจากไป

ภาพที่เกี่ยวกับที่ดินพิพาท สถานที่ โฉนด เอกสาร

ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ ปี 2506 ถึง ปี 2550

2520 อ.จ.วงเดือน คุณจักรออกไปดำเนินการกับ นายทรงชัย ศิริวรรณ ขอ ธ.เชีย แบ่งแยกที่ดินขณะติดจำนอง เพื่อนำมาทำการแ่บ่งแยกเพื่อให้เป็น ไปตามหนังสือสัญญาฉบับ วันที่ 5 ต.ค.2515 2526 ในขณะนั้นเกิดปัญหาขึ้น 2 ประการ (1) นายทรงชัย เบญจศิิริวรรณ ไม่มีเงินจ่ายค่าแบ่งแยกที่ดินให้ อ.จ.วงเดือน คุณจักร ที่มาของคำว่า "มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย" (2) นายทรงชัย เบญจศิริวรรณ ขายโรงเลื่อยให้ นายธนากร(ธวัช) กุลบุศย์ แต่ไม่ได้โอน "ใบอนุญาติประกอบกิจการรอุตสาห์กรรม เลขที่ ต.3827/2526 ทะเบียนโรงงานเลขที่ 34(1)-5/20 ชบ. 2527 ที่มาของ หนังสือสัญญาฉบับลงวันที่ 30 พ.ค.2527 ระบุ นายทรงชัยแจ้งให้ผู้ซื้อโรงเลื่อย นายธวัช กุลบุศย์ ทราบว่า มีสัญญาผูกพันต้องโอนที่ดินให้ อ.จ.วงเดือน คุณจักร เตือนนายธวัชอย่าแต่งเรื่องเพราะมี นายประโยชน์-นายดรงค์ ค้ำคอนายทรงชัยอยู่เป็นอื่นไม่ได้ ถ้ามีเรื่องตามแต่งไว้ว่า นายทรงชัย มีข้อตกลงอื่นใดไว้จริงต้องมีปรากฎในสัญญา 30 พ.ค.2527 แน่นอน ข้อที่ 1 อ.จ.วงเดือน คุณจักร ไปบีบ นายทรงชัย คืนใบอนุญาติ ข้อที่ 2 ในวันโอน(ย้ำวันโอนที่ดิน) นายธวัช จ่ายค่าโอนที่ดิน ข้อที่ 3 ความจริงที่ดินจังหวัดชลบุรีรับเหมาแบ่งแยกไป ไร่ละ 20,000 บาท (จะให้เขียนไปในสัญญาว่าอย่างไร) 2529 นายพิชัย คุณจักร ออกไปตามนายธนากร(ธวัช) กุลบุศย์ ที่โรงเลื่อยไป เจอ นายบุญฤิทธิ์(บุญส่ง) กาญจนพันธ์ "พูดว่าเจ้าของโรงเลื่อยไม่มีเงินจ่าย ค่าแรงลูกน้องจึงต้องขายไม้เอาเงินไปจ่าย" แสดงตัวเหมือนเป็นเจ้าของโรงเลื่อย บอกขายโรงเลื่อย(ที่มาของการตั้งคำถามจากทนายให้ นายธวัช ตอบว่า ใช่ เคยให้ นายบุญฤิทธิ์เช่าโรงเลื่อยนายยธวัชตอบแบบหน้างงๆคงมีคำถามในใจ ว่าเพื่ออะไรวะ(ดูได้จากตอนท้ายการให้ปากคำนายธวัช) ถามดักหน้านายพิชัยหรือ? ถามให้ตอบไว้ในสำนวนทำไม? ที่ไปหาน่ะอยาก เจอตัว นายธนากร(ธวัช) ว่าให้มาตกลงกันก็เท่านั้นเอง 2530 นายพิชัย คุณจักร เป็นอัมพาต ให้นางสมจิตร(สิริกร) คุุณจักร(ภรรยา) ออกตามเรื่องต่อ ไปพัทยาก็ตาม ไปเก็บค่าเช่าก็เจอคำถามแปลก(ใครสอนมา) ขอดูหลักฐานการเป็นเจ้าของ ไม่จ่ายจะว่าอย่างไร (ระยะนั้นอ่านไม่ออก) 2531 มีคนมาบอกว่า เขาเป็นเจ้าของที่ดิน ขอให้นายพิชัย คุณจักร ออกไปดูที่ดิน ด่วนด้วย(ช่วงนั้นมองไปที่นายกฤษดาคนซื้อโรงเลื่อยจากนายธวัช) ลากขา (อัมพาต)มีสิ่งที่ทำได้ในตอนนั้น ออกไปปกป้องสิทธิ์ แสดง ความเป็นเจ้าของ ที่ที่ดินพิพาท เขามาบอกว่า "เขาเป็นเจ้าของที่ดิน ถ้าซื้อจะแบ่งแยกที่ดินและขายให้ทุกห้องที่อาศัยอยู่" บอกกับผู้เช่าที่เป็นผู้หญิง "ถ้าไม่ซื้อจะมาล้อมรั้วที่ดินทั้งหมด" บีบเลยหรือ ถึงพิการ นายพิชัย คุณจักร ก็ต้องออกไปดู ถ่ายเอกสารแจกเรียกผู้เช่าให้มา รวมกันแล้วชี้แจง ใครมาทำอะไร ในที่ดินของเราหรือ -งงว่าถามให้ตอบทำไม-สำนวนให้ปากคำธวัช) 2538 (1)นางแดง เยาวยอด เป็นลูกน้องช่วยขายของหน้าร้าน นายธนากร(ธวัช) กุลบุศย์ 2547 นายบุญฤิทธิ์ กาญจนพันธ์ เป็นลูกน้อง หลงจู๊ อ้างเคยเป็นผู้เช่าโรงเลื่อยจาก นายธนากร(ธวัช)กุลบุศย์ 2548 นายพิชัย คุณจักร เริ่มเจรจา ถูกนายบุญฤิทธิ์ กาญจนพันธ์ หลอกทางโทรศัพท์